บทความ > เนื้อผ้าเบรค / ผ้าเบรก มีกี่ชนิด?

เนื้อผ้าเบรค / ผ้าเบรก มีกี่ชนิด?

ในกลุ่มโรงงานผลิตได้แบ่ง เนื้อผ้าเบรค / ผ้าเบรก ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. Organic type (ประเภทอินทรีย์)
    1.1 ASBESTOS (เนื้อใยหิน)
    1.2 NON ASBESTOS (เนื้อไม่ใช่ใยหิน) โดยในกลุ่มนี้จะประกอบด้วยเนื้อผ้าเบรค 3 ชนิด NAO (เนื้ออินทรีย์ + โลหะ 0-9%), LOW-METALLIC (เนื้ออินทรีย์ + โลหะ 10-49%), SEMI-METALLIC (เนื้ออินทรีย์ + โลหะ 50% ขึ้นไป)
2. Metallic type (ประเภทโลหะ)
    2.1 SINTERED (เนื้อผงโลหะ)
3. Inorganic type (ประเภทอนินทรีย์)
    3.1 PRE-CERAMIC / CARBON (เนื้อพรี-เซรามิก / เนื้อคาร์บอน)

สรุปได้ว่า เนื้อผ้าเบรค / ผ้าเบรก จะมีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด
1. ASBESTOS (เนื้อใยหิน)

        เป็นผ้าเบรคยุคเก่าที่ใช้สารใยหินเป็นองค์ประกอบหลัก ปัจจุบันผู้ผลิตผ้าเบรคระดับสากลของโลกได้ยกเลิกการผลิตไปแล้ว ตามข้อบังคับทางกฎหมาย สิ่งแวดล้อมและมาตรฐานของอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากมีสารก่อมะเร็ง
    ข้อดี
    - ราคาถูก
    - ทำงานได้ดีตั้งแต่ขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิไม่สูง จนกระทั่งสูง
    - ระบายความร้อนได้ระดับปานกลาง
    - เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้า
    - ระยะเบรคสั้นลง
    - เหมาะกับการขับขี่ทั่วไป จนถึงการเบรคที่รุนแรง
    ข้อเสีย
    - ฝุ่นเยอะ แต่จะเป็นฝุ่นสีขาว
    - มีเสียง
    - กินจานเบรค
    - มีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจต่อสิ่งมีชีวิตอย่างมาก

2. NAO ย่อมาจาก NON ASBESTOS ORGANIC (เนื้ออินทรีย์)

        เป็นกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบประกอบด้วยเส้นใยสังเคราะห์ต่างๆ ได้แก่ เส้นใยเคฟลาร์, เส้นใยเซรามิก, ยาง, แก้ว ฯลฯ เชื่อมต่อกับเรซิน อาจจะมีใยเหล็ก น้อยกว่า 10% ผสมอยู่ด้วย ซึ่งเนื้อผ้าเบรคชนิดนี้ เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในผ้าเบรคแท้ OEM (ใช้งานได้ดีที่อุณหภูมิน้อยกว่า 200 ℃ เบรคเฟดหรือจางลงที่อุณหภูมิประมาณ 300-400 ℃)
    ข้อดี
    - ราคาถูก
    - ฝุ่นน้อย
    - ไม่มีเสียง
    - กินจานเบรคน้อยมาก
    - เหมาะกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถแท็กซี่ ที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูง
    ข้อเสีย
    - ทำงานได้ดีเฉพาะขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิไม่สูง
    - ระบายความร้อนได้น้อย
    - เนื้อผ้าเบรคจะหมดเร็ว
    - ระยะเบรคยาว

3. LOW-METALLIC (เนื้อโลหะต่ำ)

        เป็นกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบประกอบด้วยเส้นใยสังเคราะห์ NAO, ใยเหล็ก ได้แก่ เหล็กกล้า, เหล็ก, ทองแดง และโลหะชนิดอื่นๆ 10-49% รวมเข้ากับน้ำมันหล่อลื่นกราไฟท์แล้วเติมสารเพิ่มแรงเสียด
    ข้อดี
    - ราคาปานกลาง
    - ทำงานได้ดีตั้งแต่ขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิไม่สูง จนกระทั่งสูง
    - ระบายความร้อนได้ดีกว่าแบบ NAO
    - เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้ากว่าแบบ NAO
    - ระยะเบรคสั้นลงกว่าแบบ NAO
    - เหมาะกับรถยุโรปที่ใช้ความเร็วและต้องการความนุ่มนวลขณะเหยียบเบรค, รถที่ใช้งานบรรทุกของหนักๆ ปิ๊กอัพ (PICK-UP), เอสยูวี (SUV)
    ข้อเสีย
    - ฝุ่นเยอะ
    - มีเสียง
    - กินจานเบรคกว่าแบบ NAO

4. SEMI-METALLIC (เนื้อกึ่งโลหะ)

        เป็นกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบประกอบด้วยเส้นใยสังเคราะห์ NAO, ใยเหล็ก ได้แก่ เหล็กกล้า, เหล็ก, ทองแดง และโลหะชนิดอื่นๆ 50%ขึ้นไป รวมเข้ากับน้ำมันหล่อลื่นกราไฟท์แล้วเติมสารเพิ่มแรงเสียด (ใช้งานได้ไม่ดีที่อุณหภูมิน้อยกว่า 100 ℃, ใช้งานได้ดีที่อุณหภูมิมากกว่า 200 ℃ เบรคเฟดหรือจางลงที่อุณหภูมิประมาณ 450-700 ℃)
    ข้อดี
    - ราคาปานกลาง
    - ทำงานได้ดีตั้งแต่ขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิไม่สูง จนกระทั่งสูง
    - ระบายความร้อนได้ดีกว่าแบบ LOW-METALLIC
    - เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้ากว่าแบบ LOW-METALLIC
    - ระยะเบรคสั้นลงกว่าแบบ LOW-METALLIC
    - เหมาะกับรถบรรทุก (Truck), รถบัส (Bus), รถตู้ (Van), รถขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD), รถที่ขับขึ้นลงภูเขาเป็นประจำ
    ข้อเสีย
    - ฝุ่นเยอะ
    - มีเสียง
    - กินจานเบรคกว่าแบบ LOW-METALLIC

5. SINTERED (เนื้อผงโลหะ)

        เป็นกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบประกอบด้วยผงเหล็กละเอียดมาขึ้นรูปด้วยเทคนิคการซินเทอร์ริง (Sinter) ซึ่งเป็นการอัดขึ้นรูป ที่แรงดันสูง และ อุณหภูมิสูงปานกลาง
    ข้อดี
    - ทำงานได้ดีตั้งแต่ขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิไม่สูง จนกระทั่งสูงมาก
    - ระบายความร้อนได้ดีกว่าแบบ SEMI-METALLIC
    - เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้ากว่าแบบ SEMI-METALLIC
    - ระยะเบรคสั้นลงกว่าแบบ SEMI-METALLIC
    - เหมาะกับการขับขี่ที่ต้องการให้หยุดทันที รถที่ใช้แข่งขัน, รถที่ใช้ความเร็วสูง
    ข้อเสีย
    - ราคาแพง
    - ฝุ่นเยอะ
    - มีเสียง
    - กินจานเบรคกว่าแบบ SEMI-METALLIC

6. PRE-CERAMIC / CARBON (เนื้อพรี-เซรามิก / เนื้อคาร์บอน)

        เป็นกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบประกอบด้วยเซรามิกที่คล้ายกับเซรามิกที่ใช้ทำเครื่องปั้นดินเผา แต่มีความหนาแน่นและทนทานกว่ามาก ผสมกับใยเหล็ก ได้แก่ ทองแดง
    ข้อดี
    - ทำงานได้ดีตั้งแต่ขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิไม่สูง จนกระทั่งสูงมาก
    - เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้า
    - ระยะเบรคสั้นลง
    - ฝุ่นน้อย
    - ไม่มีเสียง
    - ไม่กินจานเบรค
    - เหมาะกับเครื่องบิน, รถไฟความเร็วสูง ที่ไม่ได้มีการใช้เบรคบ่อยๆ
    ข้อเสีย
    - ราคาแพงมาก
    - ทำงานได้ไม่ดีขณะที่ผ้าเบรคอุณหภูมิต่ำ เช่น ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นมาก
    - ระบายความร้อนได้ไม่ดี

ตารางเปรียบเทียบเนื้อผ้าเบรคแต่ละชนิด


*** ในส่วนของคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย ของเนื้อผ้าเบรคแต่ละชนิดในบทความนี้ เป็นข้อมูลกว้างๆ ที่ช่วยในการตัดสินใจบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากในส่วนผสมของเนื้อผ้าเบรคแต่ละยี่ห้อที่มีขายตามท้องตลาด จะมีความแตกต่างกันออกไปในเนื้อผ้าเบรคชนิดเดียวกัน ซึ่งเป็นความลับเฉพาะของผ้าเบรคแต่ละยี่ห้อ ***

สามารถอ่านศึกษาวิธีการเลือกซื้อผ้าเบรคเพิ่มเติมได้จากบทความ วิธีการเลือกซื้อผ้าเบรคให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ติดต่อสอบถาม สั่งซื้อสินค้า
โทร : 089-784-3981